เป็นปีที่ 2 ที่ทางปางช้างแม่สาได้ทำนา ปลูกข้าวเหนียวพันธุ์สันป่าตอง จำนวนกว่า 10 ไร่ เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดี มีความปลอดภัยต่อช้างเลี้ยงของเรา และข้าวนั้นสามารถเก็บเกี่ยว นำไปนวด นำไปสีให้ได้ปริมาณข้าวเหนียวที่นำไปนึ่งให้ช้างกินได้หลายเดือน ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้หลักแสนบาท โดยทั้งนี้ได้นำช้างมามีส่วนร่วมกับทีมงาน นับตั้งแต่เริ่มลงนาปลูกข้าว จนถึงวันที่จะทำการนวดข้าว เราให้ช้างที่ไม่มีงานทำ หรือช้างตกงานของเรา ได้ช่วยกันขนข้าวมายังลานนวด และในการนวด เรายังให้ช้างได้ย่ำไปบนข้าวเพื่อน้ำหนักตัวช้างจะกดลงไป ทำให้ข้าวหลุดจากรวงและร่วงลงสู่ด้านล่าง จากนั้นเราสามารถเก็บข้าวเปลือก นำไปตำ หรือนำไปสีต่อได้
ทั้งนี้ทางปางช้างได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบนิวนอมอล เพื่อป้องกันการระบาดของโรค โดยได้ประกาศยกเลิกการแสดงช้าง รวมถึงยกเลิกการนั่งช้างบนแหย่งช้าง, การนั่งช้างทุกประเภทและหันมาเริ่มต้นปลดโซ่ช้าง ให้อิสรภาพช้าง เลี้ยงช้างแบบเข้าฝูง เลี้ยงช้างแบบมีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น ช้างมีเวลาและมีความสุขสบายมากขึ้น ในส่วนของสถานที่เราก็ลดขนาดของปางช้างลง และนโยบายที่สำคัญที่สุดของการบริหารงานแบบนิวนอมอล คือการเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าชมช้างฟรี ตามสภาพเศรษฐกิจภายในประเทศ และการขาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ไม่สามารถเดินทางเข้ามาได้
ปัญหานี้เองที่ทำให้ปางช้างแม่สาต้องหันไปเน้นประชาสัมพันธ์ในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยเพิ่มมากขึ้น การเข้าชมฟรี สร้างรายได้เป็นศูนย์ในเรื่องค่าเข้าชม ปางช้างแม่สา มีรายได้เพียงการจำหน่ายตะกร้าผลไม้ กล้วยอ้อยในราคาตะกร้าละ 100 บาท ซึ่งหากใครสนใจร่วมสนับสนุน บริจาคเงินได้ที่บัญชี มูลนิธิ อนุรักษ์ช้างไทย (ELEPHANT CONSERVATION FOUNDATION) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขากาดสวนแก้ว เลขที่ 531-0-66551-7 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่เบอร์โทรศัพท์ 053-206 247, 053-206 248, 081- 882 3738
ข่าวชิ้นนี้เผยแพร่โดย iChiangMaiPR.com
หมวดหมู่: กิจกรรม, ท่องเที่ยว, สังคม, สิ่งแวดล้อม
คำค้น: ช้าง, ทำนา, นวดข้าว, ปางช้างแม่สา