โครงการหลวงไทย จับมือกระทรวงเกษตรและป่าไม้ แห่งราชอาณาจักรภูฏาน พัฒนาการเกษตรให้ก้าวหน้า

พลเอก กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี และประธานกรรมการบริหารมูลนิธิโครงการหลวง เป็นผู้แทนมูลนิโครงการหลวง ลงนามความร่วมมือทางวิชาการ ระหว่างมูลนิธิโครงการหลวงของไทย กับกระทรวงเกษตรและป่าไม้ แห่งราชอาณาจักรภูฏาน โดย นายดาโช รินซิน ดอร์จิ ปลัดกระทรวงเกษตรและป่าไม้ ราชอาณาจักรภูฏาน พร้อมลงพื้นที่ตรวจติดตามการก่อสร้างศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตร ในพื้นที่ของมูลนิธิโครงการหลวง ในตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ และการดำเนินงานของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่ทาเหนือ อำเภอแม่ออน อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่

โดยในช่วงเช้าได้มีการลงนามความร่วมมือทางวิชาการร่วมกัน ระหว่างมูลนิธิโครงการหลวงของไทย กับกระทรวงเกษตรและป่าไม้ แห่งราชอาณาจักรภูฏาน  ซึ่งนับเป็นเวลากว่า 17 ปี ที่มูลนิธิโครงการหลวงได้ให้ความร่วมมือทางวิชาการกับกระทรวงเกษตรและป่าไม้แห่งราชอาณาจักรภูฏาน เริ่มต้นเมื่อปี 2545 โครงการหลวงได้ส่งนักวิชาการไปช่วยจัดทำแปลงวิจัยทดลองปลูกไม้ผล จำนวน 4 ชนิด ได้แก่ กีวีฟรุต พีช สตรอว์เบอร์รี และเสาวรส ที่สถานีวิจัยยูสิปัง ต่อมาได้ขยายความร่วมมือไปสู่สาขาวิชาการอื่นๆ พร้อมทั้งจัดตั้งโครงการหลวงของราชอาณาจักรภูฏานขึ้น โดยโครงการหลวงไทยได้ไปช่วยจัดทำแปลงสาธิตในพื้นที่โครงการหลวงภูฏาน 2 แห่ง พร้อมทั้งให้ความรู้และฝึกทักษะแก่เจ้าหน้าที่ของภูฏาน ตามแนวทางการดำเนินงานของโครงการหลวง ทั้งด้านเทคโนโลยีการผลิต การบริหารจัดการ การพัฒนาที่ดิน การปรับภูมิทัศน์ การขยายพันธุ์พืชผัก และการประมง  เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของโครงการหลวงภูฏานสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่เกษตรกรในระยะต่อไปได้ รวมทั้งพัฒนาพื้นที่โครงการหลวงภูฏานให้เป็นศูนย์เรียนรู้ด้านการเกษตรของชาวภูฏาน โดยผลผลิตทางการเกษตรที่ได้จากโครงการหลวงภูฏาน สามารถช่วยลดการนำเข้าสินค้าเกษตรจากต่างประเทศได้ นับว่าเป็นผลสำเร็จภายใต้ความร่วมมือระหว่างมูลนิธิโครงการหลวงของไทย และโครงการหลวงภูฏาน ที่ทำให้เกิดการพัฒนาความร่วมมือด้านวิชาการและการพัฒนาการเกษตรร่วมกันอย่างต่อเนื่อง

จากนั้น องคมนตรีได้เดินทางไปตรวจดูสถานที่ก่อสร้างศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตร ซึ่งสร้างขึ้นตามพระราชกระแสรับสั่งของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร บนพื้นที่ของมูลนิธิโครงการหลวง ในตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ เพื่อเป็นศูนย์รวมการปฏิบัติงานด้านการวิจัยและพัฒนา รวมทั้งเป็นสถานที่เก็บพันธุ์พืช และเชื้อพันธุกรรมต่างๆ เนื่องจากปัจจุบันห้องปฏิบัติการเหล่านี้จะกระจายอยู่ตามพื้นที่ของหน่วยงานอื่น ดังนั้น การจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรแห่งนี้ จะเป็นศูนย์รวมการปฏิบัติงานด้านการวิจัย พัฒนา และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรของโครงการหลวงอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด

ส่วนในช่วงบ่าย องคมนตรี พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามการดำเนินงานของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่ทาเหนือ อำเภอแม่ออน ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2521 ในรูปโครงการหลวงพัฒนาภาคเหนือ บนพื้นที่กว่า 240 ไร่ เพื่อสร้างความอยู่ดีกินดี ส่งเสริมให้ชาวบ้านมีรายได้และฟื้นฟูสภาพป่า ปัจจุบันมีการปลูกไม้ผลขนาดเล็ก ปลูกพืชผักที่เหมาะสมกับสภาพกึ่งร้อน รวมถึงการผลิตพืชอาหารที่ใช้น้ำน้อย มีการเลี้ยงไก่ไข่อินทรีย์ ภายใต้การจัดการแบบฟาร์มมาตรฐานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญยังเป็นศูนย์ผลิตน้ำนมแพะและน้ำนมกระบือพันธุ์เมซานีของโครงการหลวง ที่สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรเป็นอย่างดี ซึ่งปัจจุบันโครงการหลวงได้นำน้ำนมกระบือมาผลิตเป็นโยเกิร์ต รสธรรมชาติ และรสน้ำผึ้ง อีกทั้งยังมีผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมหลักจากน้ำนมกระบือ ได้แก่ เฟต้าชีส เฟต้าในน้ำมันมะกอกและมะเขือ และเฟต้าในน้ำมันมะกอกกับสมุนไพรและเครื่องเทศ มีจำหน่ายที่ร้านโครงการหลวงทุกสาขา ทำให้เกษตรกรมีรายได้จากการผลิตน้ำนมกระบือขายได้กว่า 2 ล้านบาทต่อปี

ข่าวชิ้นนี้เผยแพร่โดย iChiangMaiPR.com
หมวดหมู่: การเกษตร, สังคม, เศรษฐกิจ
คำค้น: , , , , ,