มช. ร่วมกับ บริษัท ตะวันพันดารา ลงนามสัญญาใช้สิทธิเทคโนโลยี “การผลิตผลิตภัณฑ์คอลลาเจนไดเปปไทด์รูปแบบเคี้ยว”

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับบริษัท ตะวันพันดารา จำกัด จัดพิธีลงนามสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิเทคโนโลยี “การผลิตผลิตภัณฑ์คอลลาเจนไดเปปไทด์รูปแบบเคี้ยว” ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนโครงการวิจัย “นวัตกรรมผลิตภัณฑ์กัมมีเจลลีคอลลาเจนไดเปปไทด์ที่แต่งสีและกลิ่นธรรมชาติตจากสารสกัดเสาวรส” ภายใต้โครงการวิจัย “Innovation Hub-Agriculture & Food”เพื่อสร้างเศรษฐกิจฐานนวัตกรรมของประเทศตามนโยบายประเทศไทย 4.0 พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ “ฟินแอนด์เฟิร์มออราบูสเตอร์” โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.สัมพันธ์ สิงหราชวราพันธ์ รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมด้วย นาวสาวแสงตะวัน ณ เชียงใหม่ กรรมการบริษัท ตะวันพันดารา จำกัด, ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภก.สุพัฒน์ จิรานุสรณ์กุล คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (หัวหน้าโครงการ) และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สุจินดา ศรีวัฒนะ คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมพิธีลงนามสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิฯ ในครั้งนี้ ท่ามกลางแขกบุคคลสำคัญ และสื่อมวลชนที่เข้าร่วมงานมากมาย ณ ห้องพระยาศรีวิสารวาจา สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยทางบริษัท ตะวันพันดารา จำกัด ได้ขออนุญาตใช้สิทธิเทคโนโลยี “การผลิตผลิตภัณฑ์คอลลาเจนไดเปปไทด์รูปแบบเคี้ยว” เพื่อนำไปผลิตและจำหน่ายเชิงพาณิชย์ต่อไป

ภายใต้โครงการวิจัย “Innovation Hub-Agriculture & Food” เพื่อสร้างเศรษฐกิจฐานนวัตกรรมของประเทศตามนโยบายประเทศไทย 4.0 โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. เภสัชกร สุพัฒน์ จิรานุสรณ์กุล สังกัดคณะเภสัชศาสตร์ และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สุจินดา ศรีวัฒนะ สังกัดคณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับบริษัท ตะวันพันดารา จำกัด  ได้เล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าว จึงได้คิดค้นและพัฒนา  “ผลิตภัณฑ์คอลลาเจนไดเปปไทด์รูปแบบเคี้ยว” ซึ่งเป็นนวัตกรรมผลิตภัณฑ์คอลลาเจนที่สามารถดูดซึมผ่านกระพุ้งแก้มได้ทันทีอย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้ “คอลลาเจนไดเปปไทด์” ที่มีโมเลกุลขนาดเล็กไม่เกิน 300 ดาลตัน และมีคู่กรดอะมิโนจำเป็นต่อการสร้างคอลลาเจนในปริมาณสูง รวมถึงการแก้ไขปัญหากลิ่นคาวและรสชาติไม่พึงประสงค์ของคอลลาเจนด้วยเทคโนโลยีในการนำกลิ่นและรสธรรมชาติจากเสาวรสเพื่อแก้ไขปัญหานี้ และยังเป็นการสนับสนุนผลผลิตทางการเกษตรของชาวสวนจังหวัดเชียงใหม่ นอกจากนั้นแล้วการออกแบบผลิตภัณฑ์รูปแบบเคี้ยวได้คำนึงถึงการใช้สารให้ความหวานธรรมชาติที่ให้พลังงานต่ำเพื่อให้เป็นสูตรปราศจากน้ำตาล อีกทั้งยังมีข้อดีในการช่วยลดปริมาณเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดฟันผุอีกด้วย

ปัจจุบันมีการบริโภคคอลลาเจนอย่างแพร่หลายโดยที่พบในท้องตลาดเป็นคอลลาเจนเปปไทด์ที่มีขนาดโมเลกุลใหญ่ประมาณ 2,000 ดาลตัน ซึ่งร่างกายมีความจำเป็นต้องย่อยในทางเดินอาหารให้เป็นเปปไทด์สายสั้น ๆ ที่มีขนาดโมเลกุล ไม่เกิน 1,000 ดาลตัน จึงจะสามารถดูดซึมผ่านทางเดินอาหารได้ จากนั้นเปปไทด์เหล่านี้ยังต้องถูกลำเลียงไปผ่านกระบวนการทำลายสิ่งแปลกปลอมที่ตับ ทำให้เหลือคอลลาเจนเพียงบางส่วนเท่านั้นที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้จริง และถึงแม้ว่าจะมีการพัฒนาคอลลาเจนไตรเปปไทด์ที่มีขนาดโมเลกุลเล็กประมาณ 300 – 400 ดาลตัน ซึ่งสามารถดูดซึมผ่านทางเดินอาหารได้ทันที แต่ก็ยังต้องผ่านกระบวนการทำลายสิ่งแปลกปลอมที่ตับเช่นกัน ทำให้ต้องรับประทานคอลลาเจนในปริมาณสูง แต่ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้เพียงบางส่วนเท่านั้น อีกทั้งคอลลาเจนที่มีกลิ่นคาวและรสชาติไม่พึงประสงค์ต่อการรับประทาน จึงต้องกลบกลิ่นคาวโดยการผสมกลิ่นและรสสังเคราะห์

ข่าวชิ้นนี้เผยแพร่โดย iChiangMaiPR.com
หมวดหมู่: การตลาด, การศึกษา, การเกษตร, สุขภาพ
คำค้น: , , , , ,