ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ย้ำการให้ความสำคัญกับชุมชน โดยจะดึงทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมกันแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่า และขอความร่วมมือห้ามเผาทุกชนิดในช่วงเวลา 1 มีนาคม – 20 เมษายน “51 วันไม่เผา เพื่อเชียงใหม่ไร้หมอกควัน”
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2561 ที่ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยจังหวัดเชียงใหม่ นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายชานนท์ คำทอง ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ และนายไพรินทร์ ลิ่มเจริญ หัวหน้าสํานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมสนทนาใน รายการมองเมืองเหนือ ออกอากาศสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อประชาสัมพันธ์ในประเด็น “ปัญหาหมอกควันและไฟป่าของจังหวัดเชียงใหม่”
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ปัญหาหมอกควันเกิดจากการเผาป่าในหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่เกษตร พื้นที่ป่า และอีกหลายๆพื้นที่ที่มีการลักลอบเผาป่า สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ สุขภาพของประชาชน เพราะในการเผาแต่ละครั้งจะมีค่าฝุ่นละอองอากาศขนาดเล็ก ตอนนี้ทางกรมควบคุมมลพิษ ให้เรียกว่า PM10 ซึ่งค่าที่มีผลกระทบต่อประชาชนที่เป็นอันตรายมีค่าตั้งแต่ 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งถือว่ามีความอันตราย ทั้งนี้ ในช่วงตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ไปจนถึงช่วงเดือนเมษายน จะเป็นช่วงอากาศปิด เนื่องจากจังหวัดเชียงใหม่มีสภาพพื้นที่เป็นแอ่งกระทะ โดยธรรมชาติแล้วเมื่ออากาศร้อนจะทำให้อากาศกดตัวลงไป หากมีการเผาป่าแล้วเกิดฝุ่นละออกหรือหมอกควัน แทนที่ฝุ่นละอองจะลอยตัวขึ้นไปในอากาศได้ปกติ ก็จะทำให้ฝุ่นละออกเหล่านั้นไปติดกับสภาพอากาศ ถ้าฝุ่นละอองขนาดเล็กมีมากจนเกินไป และเกินค่ามาตรฐาน ผลกระทบหลักที่ตามมาคือคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน โดยปกติในช่วงหน้าแล้ง ความกดอากาศก็ต่ำอยู่แล้ว เวลาหายใจจะรู้สึกอึดอัด หายใจไม่ปกติ หากมีปัญหาในเรื่องฝุ่นละอองเพิ่มเติมเข้ามาอีก ก็จะทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงเป็นนโยบายของจังหวัดเชียงใหม่อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ที่จะต้องมาช่วยกันรณรงค์ในทุกๆปี
ด้าน ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า สาเหตุสำคัญเกิดจากมนุษย์ เพราะ 2-3 ปีที่ผ่านมา ไม่มีที่เกิดจากธรรมชาติ เพราะในประเทศไทยอากาศไม่ร้อนจนถึง 50 องศา ล้วนเกิดจากการกระทำของมนุษย์ทั้งสิ้นด้วยเหตุผลต่างๆ เช่น อาชีพต่างๆ , ความเชื่อของคนที่เชื่อว่าจะต้องเผา , เกิดจากควันของการคมนาคม เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุของการเกิดหมอกควันและไฟป่า ทำให้จังหวัดเชียงใหม่ต้องควบคุมไปที่ต้นทาง นั่นก็คือคน และเรื่องของการใช้ชีวิต ต้องทำความเข้าใจว่าสาเหตุเหล่านี้มีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน หรือเปลี่ยนความเชื่อของคนในเรื่องการเผาป่า โดยเฉพาะในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ถ้าต้นไม้เหล่านี้ถูกเผาทำลายทำให้พื้นที่แห้งแล้ง เมื่อเวลาฝนตกทำให้ไม่มีสิ่งที่สามารถซึมซับน้ำลงไปสู่ใต้ดินได้ ทำให้ดินพังทลายและเกิดน้ำท่วม ส่งผลกระทบต่อประชาชนมากมาย ดังนั้น การป่าอนุรักษ์ป่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ซึ่งต้นไม้จะสามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ ถ้าไม่มีต้นไม้เหล่านี้ดูดซับ เราก็จะมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศมากมาย ทำให้เกิดความร้อนมากขึ้น เป็นส่วนหนึ่งที่กระทบทางด้านสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงสัตว์ที่อาศัยอยู่ในป่า
ในส่วนของ หน.ปภ.จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ทางจังหวัดเชียงใหม่ ได้วางแผนการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าแบ่งเป็น 3 ช่วง ช่วงแรก คือ ช่วงการเตรียมการ โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม คือการสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชน มีการวิเคราะห์สภาพอากาศ รวมไปถึงการเตรียมการต่างๆ ส่วนช่วงที่สอง คือ ช่วงห้ามเผา ก่อนช่วงห้ามเผาจะเป็นช่วงอากาศใกล้ปิด โดยจำทำแนวกันไฟ , การกำจัดเศษเชื้อเพลิง และในช่วงสุดท้าย คือ ช่วงการฟื้นฟู เป็นช่วงสำคัญเพราะจะนำมาสู่การป้องกัน ซึ่งในปี 2561 นั้น ได้ตั้งเป้าหมายว่าจะต้องทำได้ดีกว่าปีที่ผ่านมา สิ่งสำคัญที่สุด คือ การมีส่วนร่วมของประชาชน
ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้ย้ำในการให้ความสำคัญกับชุมชน ในการดึงให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม ทั้งการลาดตระเวน การทำแนวกันไฟ แต่เนื่องจากในบางชุมชนยังขาดงบประมาณและเครื่องมืออุปกรณ์ โดยปีนี้ทางรัฐบาลได้ให้ตั้งงบประมาณให้กับชุมชนเป็นค่าประกอบเลี้ยงตามกฎหมายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อนำไปใช้ในการบริหารจัดการภายในพื้นที่ ซึ่งชุมชนจะเป็นส่วนสำคัญที่จะสามารถเข้าถึงในพื้นที่ที่เกิดไฟได้เร็วกว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐ หากสามารถควบคุมขอบเขตของการเกิดไฟเป็นวงแคบและดับได้เร็ว ก็จะลดปริมาณหมอกควันไปได้ด้วย ทั้งนี้ทางจังหวัดเชียงใหม่พร้อมที่จะช่วยสนับสนุนเพื่อให้ชุมชนเข้มแข็ง และสามารถช่วยเหลือตนเองและประเทศชาติในการป้องกันปัญหาหมอกควันไฟป่าให้ลดน้อยลง
จังหวัดเชียงใหม่ ได้ขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ห้ามเผาทุกชนิดอย่างเด็ดขาด ในช่วงเวลา 51 วัน (1 มีนาคม – 20 เมษายน 2561) ภายใต้ชื่อ “51 วันไม่เผา เพื่อเชียงใหม่ไร้หมอกควัน” หากฝ่าฝืนจะดำเนินการลงโทษตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ส่วนผู้ชี้เบาะแสการเผาเพื่อนำไปสู่การจับกุมผู้กระทำผิดจะมีรางวัลนำจับรายละ 5,000 บาท โดยสามารถแจ้งเหตุได้ที่ศูนย์อำนวยการสั่งการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าจังหวัดเชียงใหม่ หมายเลขโทรศัพท์ 0-5311-2236 หรือหมายเลขโทรศัพท์ 191 ตลอด 24 ชั่วโมง
ข่าวชิ้นนี้เผยแพร่โดย iChiangMaiPR.com
หมวดหมู่: นโยบายการเมือง, สังคม, สุขภาพ